หากคุณติดตามข่าวสารด้านการเงิน คุณคงเคยได้ยินเกี่ยวกับ “เส้นอัตราผลตอบแทน” และชื่อเสียงของมันในการทำนายภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่มันคืออะไร และทำไมถึงสำคัญ? สำหรับ นักเทรดฟอเร็กซ์ และนักลงทุน การเข้าใจเส้นอัตราผลตอบแทนเป็นกุญแจสำคัญในการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของตลาด
เส้นอัตราผลตอบแทนแสดงอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปแล้วพันธบัตรที่มีอายุนานกว่าจะให้ผลตอบแทนสูงกว่า เนื่องจากมีความเสี่ยงที่มากกว่า เส้นนี้จะ “กลับด้าน” เมื่ออัตราดอกเบี้ยระยะสั้นสูงกว่าระยะยาว ซึ่งประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า การกลับด้านของเส้นอัตราผลตอบแทนมักเป็นสัญญาณล่วงหน้าของภาวะเศรษฐกิจถดถอย
เส้นอัตราผลตอบแทนยังคงกลับด้านในเดือนพฤษภาคม 2025 โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปีอยู่ที่ 3.98% ขณะที่อายุ 10 ปีอยู่ที่ 4.37% ซึ่งต่างกัน -0.39% การกลับด้านนี้ดำเนินต่อเนื่องมากกว่า 20 เดือน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1980
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ

ที่มา: Bloomberg.com ข้อมูล ณ วันที่ 13 พฤษภาคม 2025
ตัวชี้วัดเศรษฐกิจ: สัญญาณผสม
แม้ว่าเส้นอัตราผลตอบแทนจะส่งสัญญาณอันตราย แต่ตัวชี้วัดเศรษฐกิจอื่น ๆ กลับแสดงภาพที่ซับซ้อนมากขึ้น
- GDP: เศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัว 0.3% ในไตรมาสแรกของปี 2025 ซึ่งเป็นการหดตัวรายไตรมาสครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นปี 2022 การขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นสูงสุดเนื่องจากการเร่งนำเข้าสินค้าก่อนเก็บภาษีใหม่
- อัตราการว่างงาน: ตลาดแรงงานโดยรวมยังคงแข็งแกร่งที่ 4.2% แต่อัตราว่างงานของวัยรุ่น (อายุ 16–19 ปี) สูงถึง 12.9% ซึ่งเกือบสามเท่าของค่าเฉลี่ย บ่งชี้ว่ากลุ่มวัยรุ่นเข้าสู่ตลาดแรงงานได้ยาก เป็นกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบในช่วงวิกฤต ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้า
- อัตราเงินเฟ้อ: ภาษีนำเข้าใหม่ดันราคาผู้บริโภคขึ้น โดย CPI เดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 0.2% และ core CPI เพิ่มขึ้น 0.3% CPI ทั้งปีเพิ่มขึ้น 2.4% ขณะที่ core CPI อยู่ที่ 2.8%
- ความเชื่อมั่นผู้บริโภค: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยมิชิแกนลดลงเหลือ 52.2 ในเดือนเมษายน 2025 จาก 57 ในเดือนมีนาคม เนื่องจากความกังวลด้านเงินเฟ้อและเศรษฐกิจ
ภาษีและผลกระทบทางเศรษฐกิจ
บรรยากาศทางเศรษฐกิจซับซ้อนขึ้นจากนโยบายการค้าใหม่ โดยสหรัฐฯ เริ่มเก็บภาษีนำเข้า 30% จากสินค้าจีนหลายรายการตั้งแต่ต้นปี 2025 ทำให้ราคาสินค้าภายในประเทศ โดยเฉพาะเครื่องใช้ภายในบ้านสูงขึ้น
การใช้ภาษีเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศ อาจส่งผลลบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนของภาคธุรกิจ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ตระหนักดีว่านโยบายเหล่านี้จะชะลอเส้นทางสู่เสถียรภาพด้านราคา
จุดยืนของเฟด
ธนาคารกลางสหรัฐฯ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 4.3% เป็นครั้งที่สามติดต่อกัน ขณะพยายามจัดการทั้งเงินเฟ้อและความกังวลด้านการเติบโต โดยประธานเจอโรม พาวเวลล์ ระบุว่า การตัดสินใจในอนาคตจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจ
ข้อสรุป: เดินหน้าด้วยความระมัดระวัง
การกลับด้านของเส้นอัตราผลตอบแทนที่ยาวนาน สะท้อนสัญญาณว่าภาวะถดถอยอาจใกล้เข้ามา แม้ว่ายังไม่ชัดเจนในปัจจุบัน เศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่งในบางภาคส่วน แต่อีกหลายจุดยังมีความเปราะบาง
นักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายควรติดตามพัฒนาการเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีผลต่อการตัดสินใจ กลยุทธ์ควรรวมถึงการกระจายความเสี่ยง รักษาสภาพคล่อง และอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
อย่าลืมว่า เส้นอัตราผลตอบแทนเป็นเพียงหนึ่งในหลายเครื่องมือ จำเป็นต้องประเมินภาพรวมของเศรษฐกิจให้รอบด้าน เพื่อการตัดสินใจที่แม่นยำ